วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

panchalee's house: อาหารเป็นยา หุ่นดีเพราะกินแหลก

panchalee's house: อาหารเป็นยา หุ่นดีเพราะกินแหลก

อาหารเป็นยา หุ่นดีเพราะกินแหลก

หุ่นดีเพราะกินแหลก
 
          
หากมีท่านผู้อ่านท่านใดเคยพบเห็นหรือได้มีโอกาศทดลองโปรแกรมการลดน้ำหนักในสูตรต่างๆมามากมายหลากหลายสูตร คงได้คำตอบกันแล้วว่าหลังจากทดลองกันหน้าดำคร่ำเครียดสุดเหวี่ยง สุดท้าย...ก็กลับมาอ้วน อวบอั๋นกันเหมือนเดิม ท่านผู้อ่านที่รักอย่าเพิ่งมองวค้อนผู้เขียนว่านำคุยเรื่องแสลงใจเลยนะคะเนื่องจากว่าผู้เขียนเองก็เป็นหนูทดลองมาหลายสูตรด้วยตัวเองเช่นกันค่ะ(เมื่อสิบปีที่แล้ว)
          ในทุกสูตรของการลดน้ำหนักที่ได้พบเห็นมานั้นส่วนมากก็จะคล้ายๆกัน สูตรที่ดิฉันจะไม่ให้ความสนใจเลยคือสูตรที่ระบุเป็นตารางกำหนดว่าในแต่ละมื้อแต่ละวันต้องกินนั่น กินนี่ตามเวลาและให้ครบทุกอย่างเพราะทำให้ยุ่งยากมากเกินไปกับชีวิตประจำวัน  แต่สูตรที่ดิฉันถือว่าเป็นการลดน้ำหนักที่ตื่นเต้น สนุกสนานที่ได้ผจญภัยในการทดลองคือสูตร"หุ่นดีเพราะกินแหลก" ที่ดิฉันทดลองสูตรลดน้ำหนักสูตรนี้เพราะเกิดจากความสงสัยที่เขาบอกว่ากินไก่มื้อละหนึ่งตัวก็ไม่อ้วน กินขาหมูมื้อละขาก้ไม่อ้วน ทำให้ต่อมขี้สงสัยของดิฉันทำงานทันที(ที่จริงก็อยากกินอยู่แล้ว)เมื่อทำการศึกษาขั้นตอนและวิธีการเข้าใจดีแล้วดิฉันก็จัดเตรียมหาซื้อไก่ หมู และขาหมูที่เขาบอกว่ากินเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้นๆ แต่มีข้อแม้ว่าในแต่ละวันห้ามกินอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลรวมทั้งผัก-ผลไม้ทุกชนิดโดยเด็ดขาด นั่นคือผู้ที่เข้าโปรแกรมนี้จะต้องกินแต่เนื้อสัตว์ล้วนๆและไข่เท่านั้น ส่วนจะมีวิธีทำเป็นเมนูใดๆก็ตามแต่ต้องอยู่ในกฏข้อห้ามที่กำหนดไว้ค่ะ
          ในวันแรกๆที่เริ่มเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักด้วยการกินแหลกนี้ ในใจดิฉันก็ยังหวั่นๆเพราะคิดไปว่าจะเป็นไปได้หรือที่เราจะกินไก่เป็นตัวๆได้โดยไม่ทำให้อ้วนแถมยังจะทำให้เราผอมลงได้อีก!!! แต่ก็ตัดสินใจทดลองทำตามสูตรอย่างตั้งใจ โดยเริ่มจากกินไก่นึ่งอย่างเดียวเป็นมื้อแรกและสับเปลี่ยนเวียนหมุนเป็นหมู เป็นปลา และมีบางมื้อที่ต้องออกไปทำงานก็จะเตรียมเป็นไข่ต้มเพื่อความสะดวก สูตรหุ่นดีเพราะกินแหลกนี้ก็ดีตรงที่อยากกินเนื้อสัตว์อะไรก็กินได้ดั่งใจ ไม่ต้องคำนึงถึงไขมันหรือโปรตีนทำให้รู้สึกสนุกกับการทดลองนี้ แต่ดิฉันก็ไม่เคยสามารกินไก่ได้ครั้งละตัวหรือกินขาหมูได้เป็นขาเหมือนที่เขาเชิญชวนสักมื้อเลยค่ะ 
          สามวันผ่านไป...น้ำหนักของดิฉันก็ลงมาถึง1กิโล!!! โอ้โห...เป็นไปได้หรือนี่? 
          พอหลายวันเข้าดิฉันก็เริ่มกล้าและสนุกสนานกับการกินที่โลดโผนนี้ แต่ก็แข็งใจไม่แตะต้องอาหารต้องห้ามที่เป็นกฏเหล็กที่เขาบอกไว้ว่า...ความพยายามที่ทำมาทั้งวันจะไร้ค่าหากว่าเราเผลอกินผักใดๆหรือแม้แต่แตงกวาเข้าไปเพียงลูกเดียว  น้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งที่ดิฉันเองสนองความอยากกินและอยากรู้อยากเห็นเป็นอะไรที่แปลกใหม่ สนุกสนานน้ำหนักตัวของดิฉันลดลงไปถึง3กิโลเมื่อทดลองสูตรนี้ผ่านไปหนึ่งเดือน...ความรู้สึกว่าเบื่อเนื้อสัตว์ก็เริ่มมีเข้ามาบ้างพร้อมๆกับเริ่มที่จะคิดถึงเมนูผักและผลไม้กรอบๆหวานๆ(โดยเฉพาะส้มตำ)แต่ก็ยังตั้งมั่นอยู่ในกฏของสูตรนี้ด้วยคิดว่าเราน่าจะผอมลงกว่านี้อีกสักหน่อย พอสมใจแล้วค่อยออกจากสูตรกลับไปกินอาหารปกติเมื่อไหร่ก็ได้
          แต่ความสนุกสนานก็เริ่มเป็นการผจญภัยสำหรับการทดลองนี้... เวลาผ่านเข้าสู่เดือนที่สองได้สักสิบกว่าวัน ตอนนั้นน้ำหนังลงมาทั้งหมดรวมแล้วร่วม5กิโล ดิฉันเริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อทุกส่วน อาการปวดเมื่อยนี้จะเป็นไปทั้งตัวจนนอนไม่หลับ ทายาแก้เมื่อยแก้ปวดอย่างไรก็ไม่บรรเทานับวันอาการก็น่าเป็นห่วงเพราะก่อนนอนดิฉันต้องให้เด็กที่บ้านคอยทายาและนวดคลีงให้จนกว่าดิฉันจะหลับแต่ก็ไม่หลับสนิทเลยสักวัน  ดิฉันก็พยายามศึกษาหาสาเหตุของอาการปวดเมื่อยนี้ว่ามาจากอะไร จะว่ามาจากการทำงานก็ไม่ใช่เพราะงานที่ทำอยู่นั้นก็ไม่ได้ออกแรงหรือต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนใดให้ต้องปวดเมื่อย
          ด้วยนิสัยใฝ่รู้ใฝ่หาเรื่อง(ใช้คำให้ดูดี)ดิฉันจึงพยายามประมวลหาสาเหตุต่างๆของอาการที่เป็น และก็ได้พบกับข้อมูลของแพทย์แผนไทยที่เป็นข้อมูลเกี่ยวข้องกับการกินอาหารให้ถูกกับกรุ๊ปเลือด และยังมีบทความที่เกี่ยวกับอาหารที่ถูกกับธาตุเจ้าเรือนอีกด้วย  เมื่อศึกษาทบทวนไปมาหลายๆข้อมูลดิฉันได้พบกับบทความทางการแพทย์แผนปัจจุบันเรื่อง"ภาวะเลือดข้น"หรือภาษชาวบ้านเรียกว่าเลือดหนืด เมื่อได้อ่านบทความทางการแพทย์เรื่องนี้ดิฉันก็ถึงบางอ้อ...ถึงอาการปวดเมื่อยที่กำลังเป็นอยู่นี้ก็ไม่ได้เหนือการคาดเดาแต่ต้นเลยว่าคงมาจากการกินแต่เนื้อสัตว์ในสูตรลดน้ำหนักสูตรที่ทดลองอยู่นั่นเอง
          ภาวะอาการเลือดข้นทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกคือเหตุแห่งปัญหาของอาการปวดเมื่อยจนนอนไม่หลับ สาเหตุของเลือดข้นที่พบกันมากยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเจริญซึ่งทำให้เรานอนดึกพักผ่อนน้อย ,ระดับน้ำตาล (โรคเบาหวาน) , ไขมัน (โรคไขมันในเลือด) และสารอื่น ๆ ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ...เมื่อได้ข้อมูลจากหลายสถาบันดิฉันจึงตัดสินใจเลิกกินอาหารตามสูตรหุ่นดีเพราะกินแหลกนี้ในทันที และอีกสองวันต่อมาดิฉันก็หายจากอาการปวดเมื่อยหลุดพ้นจากที่ทนทรมานมาเกือบสิบวันและได้บทเรียนให้กับการกินที่ผิดธรรมชาติว่ามีผลดีและผลเสียอะไรบ้าง  

          หากใครก็ตามได้เคยศึกษาว่ากรุ๊ปเลือดของเราแต่ละคนมีความสมดุลย์กับอาหารประเภทใดบ้างคงเข้าใจได้ถึงสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงในการบริโภคอาหารนะคะ  ส่วนดิฉันได้ข้อดีจากการผจญภัยในครั้งนั้นจึงเก็บมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านในวันนี้ ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าของสูตรที่คิดค้นและทดลองพร้อมกับนำออกมาเผยแพร่ ส่วนใครจะนำไปใช้ได้ผลหรือไม่อย่างไรนั้นคงต้องดูจากสภาวะของแต่ละคนเป็นหลัก แต่ในกรณีของดิฉันเองนั้นเป็นคนมีเลือดกรุ๊ปเอซึ่งไม่เหมาะกับการกินเนื้อเนื้อสัตว์เป็นหลักอยู่แล้วจึงอาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงดังที่ได้เล่ามาทั้งหมดนี้ค่ะ อะไรที่มันเกินขอบเขตของคำว่าพอดีมันก็คงมีอะไรที่ไม่ดีตามมา
 
          ยังมีผู้รักสุขภาพอีกหลายคนที่มีความเชื่ออยู่กับการลดน้ำหนักด้วยการกินหารเจหรืออาหารมังสะวิรัติว่าเป็นอาหารที่ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้ และเมื่อเกิดความรู้สึกว่าอึดอัดรัดติ้วขึ้นมาคราใดก็จะนึกถึงอาหารสองประเภทนี้ก่อนเป็นอันดับแรก แต่เมื่อกินอาหารทั้งสองประเภทนี้ไปสักระยะก็ต้องมีคำถามตามมาว่า...ทำไมฉันยังอ้วน?  และเมื่อชั่งน้ำหนักตัวเลขที่ตาชั่งก็มีแนวโน้มว่าจะอ้วนกว่าตอนที่ยังกินอาหารปกติเสียอีกด้วย
           มีนักบริโภคอาหารเจอีกกลุ่มหนึ่งที่เรามักแซวกันให้ได้ยินบ่อยๆนั่นคือ"เจเขี่ย" กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ไม่ยึดติดอะไรมากนักแค่มีความรู้สึกว่าไม่ต้องการกินเนื้อสัตว์จะด้วยเหตุผลเพราะไม่เบียนสัตว์หรือเพื่อสุขภาพก็ตาม เมื่อต้องกินอาหารร่วมกับคนอื่นเขาก็จะใช้วิธีเลือกตักแต่ผักหรือเต้าหู้มาใส่ในจานอาหารของตนเอง หรือหากเป็นอาหารที่สำเร็จมาแล้วเขาก็จะใช้ช้อนเขี่ยหรือแยกเนื้อสัตว์ออกมาไว้ที่ข้างจานนั่นเอง
          แล้วทำไม...ทำไม...อาหารเจหรืออาหารมังสะวิรัติที่ใครว่าดีนักดีหนาจึงไม่ทำให้ผู้ที่อยากลดน้ำหนักสมหวัง  จากการที่ดิฉันมีประสพการณ์ตรงในการใช้อาหารมังสะวิรัตและอาหารเจเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพจนได้พบว่า...การกินอาหารทุกชนิดเข้าไปไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทไหนก็ตามทุกสิ่งล้วนให้พลังงานกับร่างกาย แต่พลังงานเหล่านั้นจะสะสมได้มากหรือน้อยต่างกันไปเท่านั้น  และหัวใจของการลดน้ำหนักไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่เรากินมากหรือกินน้อยเพียงเท่านั้นต้องควบคู่ไปกับการเผาผลาญพลังงานคู่กันไปด้วย หากเราต้องการพลังงานวันละ2พันแคลลอรี่เราก็กินอาหารที่ให้พลังงานแค่นั้นต่อวัน  แต่เราไม่มีการเผาผลาญพลังงานที่มีสะสมอยู่น้ำหนักตัวและไขมันที่เกินมาก็ยังอยู่คงเดิม
          อาหารเจหรืออาหารมังสะวิรัติในปัจจุบันแตกต่างไปจากเมื่อก่อนนี้มาก ยกตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนนี้นักปฏิบัติเขาจะเตรียมตัวฝึกใจและกายรวมถึงจัดเตรียมวัฒถุดิบให้พร้อมก่อนจะถึงวันจริงที่ต้องถือศีลกินผัก  จึงทำให้สามารถทานอาหารที่จำกัดทั้งปริมาณและประเภท ต่างจากยุคนี้สมัยนี้ที่นักปฏิบัตหรือนักกินมังสะวิรัติไม่สะดวกในการเตรียมพร้อมแถมยังต้องใช้บริการอาหารสำเร็จจากร้านที่ทำอาหารเจขายจึงยิ่งทำให้ทางเลือกของนักกินเจและมังสะวิรัติน้อยลงอีกด้วยค่ะ
สถานที่ให้บริการอาหารช่วงเทศกาลกินเจจึงเน้นที่จะจัดเตรียมอาหารไว้รองรับเราด้วยอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์เทียมที่อุดมไปด้วยแป้งและโปรตีนจากพืชมาปรุง
          นอกจากลูกชิ้นเจ ไก่เจ เป็ดเจ หมูยอเจ ใส้กรอกเจ หมูแดงเจที่ปรุงแต่งให้มีรสและกลิ่นมาเอาใจนักกินแล้ว  อาหารปรุงแต่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ทำมาจากแป้งเป็นหลักทั้งหมดทั้งสิ้น และเรายังนิยมกินแป้งทอดกรอบ โปรตีนทอด เต้าหู้ทอด ผักชุบแป้งทอด เห็ดทอด สาหร่ายทอดกรอบ ถั่วทอด ปาท่องโก๋ ซาลาเปาทอด หรือกาน่าฉ่ายที่มีผักกาดดองใส่ลูกสมอดองนำมาผัดในสูตรที่ต้องใส่น้ำมันจนท่วมอุดมไปด้วยน้ำมันพืชและน้ำมันงา สิ่งเหล่านี้นั่นเองที่ทำให้อาหารทางเลือกในการลดน้ำหนักของเราไร้ผล จากประสพการณ์ตรงของดิฉันเองได้ทดลองจนแน่ใจแล้วว่าอาหารเจหรืออาหารมังสะวิรัติไม่ว่าจะสูตรไหนหากนำมาปรุงให้ถูกหลักโภชนาการที่ดีเน้นให้เป็นธรรมชาติให้มากที่สุดสามารถควบคุมน้ำหนักได้จริงๆค่ะ แต่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า...อะไรก็ตามที่เรานำมันเข้าปากแล้วกลืนกินเข้าไปในร่างกายล้วนให้พลังงานแก่เราทั้งสิ้น อยู่ที่เราแล้วว่าจะบริหารจัดการอย่างไรกับเจ้าพลังงานที่กลืนกินเข้าไป
          ปัจจุบันนี้เวลาที่ดิฉันจะกินอะไรสักอย่างเป็นอาหาร เรื่องอ้วนนั้นเป็นกฏที่ยังคำนึงถึงแต่ก็เป็นข้อที่รองลงไป ด้วยจะคิดเสมอว่า...หากจะอ้วนเพราะอาหารสักจาน ดิฉันขอเลือกที่จะอ้วนจากอาหารที่ไม่มีโทษแต่มีประโยชน์กับร่างกาย เรื่องความอ้วนนั้นต้องบริหารจัดการในปริมาณที่จะกินเข้าไป หากเผลอไผลไปกับรสชาติในมื้อนี้...มื้อต่อไปก็ต้องลดปริมาณเป็นการชดเชยค่ะ ส่วนเรื่องการออกกำลังกายนั้นสำหรับดิฉันคงต้องทำไม่รู้ไม่ชี้ที่จะกล่าวถึง และขอยืนยันว่าอาหารมื้อค่ำยังคงเป็นมื้อที่ควรบริหารจัดการมากกว่าทุกมื้อนะคะ
          มีคำกล่าวไว้ว่า...หากเรากินอาหารที่มีอายุสั้น...เราจะมีอายุยืนยาว  หากเรากินอาหารที่มีอายุยาว...อายุขัยของเราก็จะสั้น (อาหารอายุสั้นคือผักพืช ส่วนอาหารอายุยาวหมายถึงสัตว์นั่นเอง) นี่คือสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ดิฉันขอนำมาเล่าสู่กับท่านผู้อ่านในTGNฉบับนี้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยกันนะคะ หากเราเข้าใจและใส่ใจในอาหาร การกินอย่างฉลาดโอกาศอ้วนและป่วยก็จะน้อยค่ะ วันนี้ดิฉันจึงขอนำเสนอาหารจานแซ่บแบบไม่ต้องกลัวอ้วนกันสักจานหนึ่งเป็นการคลายเครียดแถมยังได้กินอาหารที่หลากหลายไปด้วยคุณประโยชน์ของสมุนไพรค่ะ 

          อาหารจานนี้มีชื่อว่า"พล่าชาละวัล"โดยนำเอาว่านหางจระเข้มาพล่ารวมกับพืชผักสมุนไพรออกมาเป็นอาหาร รายการอาหารจานนี้ดิฉันขอนำเสนอวิธีทำในรูปแบบของคลิปวีดีโอสาธิตการทำเนื่องจากว่าต้องการให้รายละเอียดในการนำว่านหางจระเข้มาปรุงอย่างถูกวิธีเพื่อประโยชน์สูงสุด