วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาหารเป็นยา แกงส้มตะเพียนทอง

อาหารเป็นยา...


                  ยา...มาได้จากหลายสิ่งทั้งในธรรมชาติรอบตัวเราและมาจากสิ่งที่มนุษย์สังเคราะห์ ปรุงแต่งขึ้นมา ชนิดของยาก็ได้แยกประเภทการใช้ต่างกันออกไปตามอาการของผู้ป่วย (หรือคิดว่าตัวเองป่วย) ยาก็จำแนกไปอีกว่ายาใช้ภายนอกหรือใช้ภายในเช่น... ยาแก้ปวดจะ ปวดอะไรก็แล้วแต่ ยาทาสำหรับภายนอก ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเข้ากระแสเลือด ยาพ่นไซนัส และอีกนับไม่ถ้วน (ขอบอกว่าไม่เกี่ยวกับยาใจคนจนนะจ๊ะ)
                   วันนี้จะขอกล่าวถึงยาที่เราได้จากธรรมชาติชนิดหนึ่งคือ “อาหาร” อาหารเปรียบ เสมือน “ยาดี” อาหารให้ยาเราได้ตั้งแต่แรกเห็น...เริ่มจากสัมผัสได้ด้วยสายตาเพราะเมื่อเรา ได้เห็นอาหารดีๆ สักจานหนึ่งที่เชื่อได้ว่าเป็นอาหารที่ดีมีประโยชน์... เพียงแค่คิดจิตเราก็เป็น สุข นั่นคือเราได้ยาสูตรแรกแล้ว เมื่อเราได้ลิ้มรสอาหารจานนั้นไม่ว่าจะเป็นเมนู ที่เราคุ้นเคย หรือไม่ก็ตาม เราจะมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราได้กินเข้าไปนั้นอร่อย รสชาติดี แม้จะรู้สึกแปลก แตกต่างไปก็ตาม
มนุษย์ไม่มีใครอยากจะเจ็บป่วย (ยกเว้นบรรดาคนขี้อ้อนหรือคนหนีงาน) แต่มนุษย์ มักจะประมาทด้วยความคุ้นชินกับการใช้ชีวิตที่สะดวก รวดเร็ว และทันใจ  พวกเราถูกมอม เมาด้วยอาหารที่เป็นยา แต่เป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ยาพิษ” และเราก็ถูกมอมเมาให้ได้
                  รู้จักกับยาวิเศษชนิดต่างๆ ในรูปแบบของอาหารเสริมราคาแพงที่ได้มาจากการสังเคราะห์ ทางเคมีแทบทั้งสิ้น...จะสายไปไหม? ถ้าเราทุกคนจะหันมาใส่ใจกับอาหารที่เรากินกันอยู่ทุก วัน... แน่นอนย่อมไม่มีคำว่าสายไปเพราะเราต้องกินอาหารเพื่อดำรงค์ชีวิต  ถามตัวคุณเอง ก่อนว่าคุณอยากกินยาอะไร?  ยาดี...หรือยาพิษ ในวันหนึ่งคุณอาจบอกรักใครๆ ได้หลายคน แต่คุณลืมที่จะบอกรักตัวคุณเอง... หันมาบอกรักตัวคุณเองได้ด้วยอาหารที่ดี ที่เป็นยาสักมื้อ ในแต่ละวัน แล้วจึงค่อยบอกรักกับทุกคนด้วยยานี้แทนการมอบ ลูกกวาด ลูกอมผสมน้ำตาล หรือช็อคโกแล็ตในกล่องสวย
                  อาจมีคำถามในใจสำหรับผู้ที่ยังไม่มีโครงการอาหารเป็น ยาว่า แล้วอาหารอะไรบ้าง ที่เป็นยาดีหรือยาพิษ...คำตอบที่ง่ายที่สุดคืออะไรที่มาจากธรรมชาติหรือปรุง แต่งน้อยที่สุด ไม่ มีสารตกค้างและปนเปื้อน  ส่วนจะนำมากินสุกหรือกินดิบนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทของอาหาร ชนิดนั้นว่าเหมาะสมกับวิธีใด แล้วโอกาสหน้าจะนำสูตรอาหารที่เป็นยาดีมาฝากกัน รวมถึง อาหารสำหรับคนป่วยที่ต้องการแร่ธาตุหรือวิตามิน เพื่อซ่อมแซมส่วนที่ขาดหายหรือที่ร่าง กายต้องการ สำหรับในฉบับนี้พี่ชาลี ขอมอบรายการอาหารที่ชื่อว่า แกงส้มปลา papaya (มะละกอ) สำหรับมะละกอนั้น มีหลากหลายสายพันธุ์ในบ้านเรา ทั้งพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมที่ คนในยุคสมัยก่อนๆ มักรู้จักคุ้นเคย  แต่ในยุคสมัยปัจจุบันนี้เรามักจะคุ้นชินกับมะละกอ สาย พันธุ์โกโก้ แขกดำ แขกนวล ฮาวาย  หรือสายพันธุ์แปลกๆ อย่างมะละกอสีทองที่เปลือกสี ทองในขณะที่ยังเป็นผลดิบอยู่ และที่นิยมรับประทานสุกมีสีสันสะดุดตาและรสชาติหวาน หอมคงจะไม่มีใครปฏิเสธสายพันธุ์ฮอลแลนด์ 
มะละกอดิบเป็นพืชเศรษฐกิจของบ้านเราเพราะใช้ประกอบอาหารขึ้นชื่อได้คือ “ส้มตำ” ในมะละกอสุกมีสารอาหารชื่อเบต้าแคโรทีนและวิตามิน จัดเป็นผลไม้ที่มีทุกฤดูที่ ไม่ว่าวัยใด เพศใดจะรู้จักเป็นอย่างดี นอกจากนำมาประกอบอาหารประเภทส้มตำแล้ว มะละกอดิบก็สามารถนำมาแกงเผ็ด  ผัดใส่ไข่  แกงส้ม  หรือนำมาต้มสุกเพื่อรับประทานกับ น้ำพริกได้เป็นอย่างดีเพราะมะละกอดิบจะมีรสหวานเมื่อถูกทำให้สุกแล้ว  นอกจากนั้นผล ของมะละกอดิบที่มีเปลือกสีเขียวยังใช้ช่วยในการต้มเนื้อสัตว์ให้เปื่อยเร็ว ได้อีกด้วย  ของ หมักดองแห้งและสดบางชนิดก็ใช้มะละกอดิบมาเป็นตัวเสริม เช่น มะม่วงกวนก็ใช้มะละกอ สุกเสริมให้ได้ปริมาณเพิ่มขึ้นได้อีกรวมถึงบรรดาซ้อสพริกต่างๆ หลากหลายดีไหมกับ... มะละกอ...
                  วันนี้เราจะเอ่ยถึงแกงส้มซึ่งใช้มะละกอดิบ-ห่าม (เริ่มมีเนื้อสีออกส้มๆ) เป็นตัวนำ เสนอ ส่วนจะพลิกแพลงทำสูตรไหน หรือปรุงเครื่องแกงของภาคใดก็แล้วแต่จะนำไปดัด แปลงได้ทั้งนั้น ไม่มีข้อจำกัด แต่สิ่งที่จะนำเสนอวันนี้คือการแกงส้มมะละกอแบบมังสะวิรัติ หรือแบบเจนั่นเอง  เอ๊ะ....สงสัยใช่ไหมล่ะอย่าสงสัยเลยตามมาทางนี้ค่ะ
ส่วนผสม
- เส้นริบบิ้นที่ทำจากมะละกอตามต้องการ (ใช้ 2 เส้น/การสานปลา 1 ตัว)
- เห็ดฟาง 1/2 กิโลกรัม
- พริกแห้งแช่น้ำแกะเมล็ดออก 15 เม็ด
- กระชายหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
- กระปิเจ (เต้าเจี้ยว) 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- น้ำมะขามเปียก (มากหรือน้อยขึ้นกับว่าชอบรสเปรี้ยวประมาณไหน) หากไม่มี มะขามเปียกจะใช้มะนาวแทนก็ได้
                   (สูตรนี้จะได้ความหวานจากเห็ดฟางและมะละกอจึงไม่แนะนำ ให้ใส่น้ำตาลนอกจากจะต้องการรสหวานนำ)
                   เราเริ่มจากหามะละกอดิบ-ห่ามอย่าให้สุกมาปอกเปลือกล้างน้ำสะอาดพักไว้ ผ่าซีก มะละกอตามแนวยาวเอาเมล็ดออกให้หมดแล้วใช้มีดสองคมฝานสไลค์ตามแนวที่ผ่าไว้ ตั้ง แต่ส่วนบนไปสุดที่ปลายของผลเราก็จะได้เส้นของมะละกอที่มีลักษณะคล้ายริบบิ้น   จากนั้น ก็ตัดแต่งให้เป็นเส้นพอสวยงาม
     จากนั้นก็นำเส้นริบบิ้นที่ได้จากมะละกอมาสานให้เป็นตัวปลาตะเพียน พอได้เป็นตัว ปลาตะเพียนแล้วก็ตัดแต่งครีบ-หางให้สวยงามนำไปแช่ไว้ในอ่างหรือภาชะนะ ใส่น้ำเย็นเพื่อ ให้เนื้อมะละกอเซ็ทตัว จนได้จำนวนตามต้องการ ใส่เนื้อเห็ดหั่นเข้าในตัวปลาก็จะได้ความ กรุบกรอบเวลารับประทานอีกด้วย
การทำน้ำแกงส้ม
                      นำเห็ดฟางมาตัดส่วนที่ไม่ใช้ออกล้างน้ำให้เศษดิน หรือเศษผงออกให้หมด ผ่าซีก แล้วนำไปลวกในน้ำเดือดให้สุกพักไว้ให้เย็น เก็บน้ำที่ลวกเห็ดไว้ทำน้ำแกงส้ม แล้วจึงเตรียม เครื่องแกงตามสูตรที่ต้องการ ถ้าต้องการให้น้ำแกงมีสีสรรสวยงามควรใช้พริกแห้งเม็ดใหญ่ ในการปรุงพริกแกง
      เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วจึงโขลกพริกกับเครื่องแกงเข้าด้วยกันให้ ละเอียด ใส่เนื้อ เห็ดฟางลวกลงไปโขลกปนกับเครื่องแกง จะได้พริกแกงส้มสูตรน้ำข้น จะข้นน้อยข้นมากก็ ขึ้นอยู่กับปริมาณเห็ดตามความชอบของผู้ปรุงและผู้รับประทานเข้าตำรา...สูตร ใครก็สูตรใคร...
เห็ดฟางนำมาแทนเนื้อปลาได้ในหลายเมนู เช่นน้ำยากระทิ น้ำยาป่า น้ำพริกปลา ย่าง หรือจะทำห่อหมกฯลฯ

Name:*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น