วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาหารเป็นยา เรื่องกล้วยๆ


อาหารเป็นยา...เรื่องกล้วยๆ... 

สวัสดีต้นฤดูฝนกับผู้อ่าน TGN และทีมงานทุกท่านค่ะ....
และแล้วก็ถึงเวลาของต้นไม้ใบหญ้ารวมทั้งพืชพรรณพฤกษาหารของมนุษย์และ สัตว์โลกอีกวาระหนึ่ง ที่ต้องบอกเช่นนี้ก็เพราะว่าเราทุกคนก็คือหนึ่งในวัฏจักรของโลกใบนี้ ด้วยเช่นกัน หากมีต้นไม้สักต้นหนึ่งถูกโค่นล้มลง ไปอย่าคิดว่าไม่มีผลต่อเรานะคะ มันมีผล กระทบต่อวัฏจักรการอยู่อาศัยร่วมกันเพียงแต่เราอาจมองไม่เห็น

คำว่าภาวะโลกร้อนสำหรับดิฉันนั้นคงไม่มีใครแก้ไขได้หรอกนะค่ะ และมันจะยิ่ง แย่ลงหากเราทำหลับหูหลับตากับสิ่งรอบตัวของเรา ทุกวันนี้เราทำได้เพียงลดและ เยียวยากัน ไปตามกฏแห่งกรรมที่ได้ร่วมกันทำไว้กันทั่วทุกมุมโลกมาช้านาน เข้ากับคำที่ว่า “ทำสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น” ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมากล่าวโทษกันไปมาหรือคร่ำครวญถึงสิ่งที่เปลี่ยน ไปแล้วหันมาสนใจทุ่มเทกับสิ่งที่พอจะแก้ไขป้องกันได้จะดีกว่า แต่สิ่งที่ดิฉันจะนำเสนอใน วันนี้คงพอให้ชาวโลกของเราได้เย็นลงด้วยอาหารการกินแบบสุขภาวะตามความถนัด เช่น เดิม สิ่งที่จะนำเสนอต่อไปนี้เป็นการใช้ประโยชน์จากพืชที่เราเรียกว่า “กล้วย” กล้วยในที่นี้ ของดิฉัน คือ กล้วยทั้งต้นที่สามารถใช้ได้หมด สุดแต่ว่าจะนำมาใช้ในโอกาสใด


กล้วยเป็นพืชล้มลุกที่อาจพูดได้ว่าราคาย่อมเยาว์แต่ให้คุณประโยชน์กับคนเรามาก มายมหาศาลมาช้านาน

เมื่อครั้งยังเด็กเวลากลับบ้านที่ต่างจังหวัดพวกเราจะพากันไปเล่นน้ำที่ แม่น้ำท่าจีน ตอนนั้นยังว่ายน้ำไม่เป็นพวกพี่ๆ ก็จะนำเอาต้นกล้วยมาให้ดิฉันเกาะไว้จะได้เล่นน้ำด้วย กันได้ บางครั้งพี่ๆ ก็นำต้นกล้วยสามถึงสี่ต้นมามัดรวมกันทำเป็นแพสนุกสนานดีเหมือนกัน  ที่เขาเปรียบกันว่ามังคุดคือราชินีของผลไม้ ทุเรียนคือราชาแห่งผลไม้ ถ้าเราจะเรียกกล้วยว่า “มารดาแห่งผลไม้” เทพี, นางฟ้า หรือนางงามจักวาล ของผลไม้บ้างได้ไหม.. ถ้าใครได้ดูหนัง หรือละครประเภทจักรๆ วงศ์ๆ คงเคยเห็นฉากของฤษีหรือพระเจ้าตาที่อยู่ในป่า มีกล้วยเป็น เครือวางหรือแขวนไว้เป็นอาหารหลักในการดำรงชีพ  กล้วยมีหลากหลายสายพันธุ์ในบาง สายพันธุ์นั้นสวยงามและแตกต่างจากชนิดอื่นได้อย่างอัศจรรย์ใจ เช่น กล้วยนวล, กล้วยเทพ พนม, กล้วยร้อยหวี, กล้วยตานี, กล้วยหักมุกเขียว, กล้วยงาช้าง, กล้วยเทพรส, กล้วยแดง สยาม, กล้วยแอฟริกา, กล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่อง, กล้วยสีชมพู และอีกสารพัดกล้วยที่สวย แปลกตา และแตกต่างในรสชาติ กล้วยที่เป็นหลักของการบริโภคในประเทศไทยหรือเป็นที่ รู้จักไปทั่วโลก คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกล้วยหอม และในประเทศไทย เราก็มีกล้วยน้ำว้า

กล้วยใช่จัดอยู่ อันดับแนวหน้าของการบริโภค  

ได้มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งในตำนานว่ามีชายหนุ่มยากจนคนหนึ่งเกิดไปหลง รักลูกสาว ของเศรษฐีผู้มั่งคั่งจนเกินตัดใจ เศรษฐีไม่ต้องการมีลูกเขยเป็นคนยากจนจึงใช้กลอุบายบอก แก่ชายหนุ่มว่าต้องการสินสอดเป็นนวลจากใบตองสดจำนวนหนึ่งหาบ ในความเป็นจริงนั้น การเก็บนวลจากใบตองเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากก็เหมือนเราจะนำแป้งที่ทา ไว้บนผิว หน้ามาเก็บไว้นั่นเอง ชายหนุ่มมุมานะปลูกกล้วยไว้ในป่าอย่างมากมาย แล้วเก็บนวลที่ฉาบ ผิวของใบตองมาเก็บไว้อย่างเพียรพยายาม เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่าชายหนุ่มก็มาหาเศรษฐี พร้อมกับนวลใบตองจำนวนหนึ่งเพื่อสู่ขอหญิงที่ตนรัก แต่นวลของใบตองที่เพียรพยายาม เก็บไว้นั้นก็ไม่มากพอกับที่เศรษฐีได้บอกไว้ จึงได้ขอเจรจาว่าจะเพิ่มทองคำและเงินอีกสอง หาบแทนนวลใบตองเป็นค่าสินสอดแทน  ชายหนุ่มมาหาเศรษฐีด้วยเสื้อผ้าพร้อมเครื่องแต่ง กายที่งดงามแตกต่างจากชายยากจนคนเก่าจนหาเค้าเดิมแทบไม่ได้ เขามีฐานะร่ำรวย ขึ้นมา จากการปลูกกล้วยเพื่อเก็บนวลบนใบตองและได้นำกล้วยที่เก็บนวลแล้วไปขายทุกวัน เขา ขายทุกสิ่งที่ได้มาจากต้นกล้วย เช่นหัวปลี, ใบตอง, กล้วยดิบ และสุก ในบางวันขายไม่ทัน กล้วยสุกงอมเขาก็นำไปตากแดดให้แห้งแล้วนำมาขายเพื่อเป็นเสบียงในการเดินทาง เขาจึง ได้ร่ำรวยขึ้นและสมหวังในความรัก.....

หากมีผู้ใดที่กำลังอ่านบทความนี้แล้วสงสัยว่าทำไมกล้วยธรรมดาๆ จะเด่นดังได้ถึง นางงามจักรวาลเลยหรือเราลองมาช่วยกันนึกถึงประโยชน์ของกล้วยที่เราปลูกไว้ ว่าให้อะไร กับเราได้บ้าง

- ต้นกล้วย นอกจากใช้แทนโฟมในการทำกระทง เปลือกนอกใช้ทำปุ๋ย เลี้ยงสัตว์ ตากแห้งทำเชือกมัดของได้เหนียวดี ใช้ในขบวนขันหมาก

- ใบกล้วย ใช้ห่ออาหาร ห่อขนม ทำบายศรี ทำกระทงงานเพ็ญเดือนสิบสอง ใช้ในพิธีมงคลโบราณเราใช้ใบตองห่ออาหารแล้วใช้เชือกกล้วยมามัดห่อใบตอง แทนถุงพลาสติกกับหนังยางในยุคนี้

- หยวกกล้วย (แกนในของต้นกล้วย) ทำอาหารเช่นแกงเผ็ด แกงส้ม เท่าที่ทราบมา กล้วยนวลคือกล้วยที่มีหยวกอ่อนรสชาติดีที่สุด

- ปลีกล้วย (ดอกของกล้วยหรือที่เราเรียกกันว่าหัวปลี) กินสดกับผัดไทย จิ้มน้ำพริกทานกับ ขนมจีน ลวก ต้มข่ากระทิ แกงเผ็ด แกงส้ม หรือยำทำซ่าหัวปลีก็ได้...

- ผลของกล้วย นำมาปรุงอาหารได้ทั้งดิบและสุก ทั้งคาวและหวาน ทำตำกล้วยรสแซบ ย่างให้สุกทานเป็นของว่าง ทำกล้วยแขก ทำใส้ข้าวเม่าทอด ทำกล้วยทับทรงเครื่อง จะเชื่อม จะบวชชี จะฉาบหวาน ฉาบเค็ม ทำกล้วยตากแห้งใส่น้ำผึ้ง ทำของว่างไว้ขบเคี้ยว จะทานเล่นหรือทานเป็นอาหารหนักของแต่ละมื้อ และเมื่อสุกงอมกินไม่ทันเราก็จับมากวน ไว้ทานได้อีก และที่คนไทยไม่ลืมคือการใช้กล้วยสุกงอม เลี้ยงทารกเป็นอาหารเสริมกับนมมารดามาแต่โบราณกาล

นี่คือสรรพคุณพื้นๆ ของกล้วยธรรมดาๆ ที่ให้อะไรกับคนเรามาแต่ยุคก่อนเก่า เรา คงไม่ได้กินพืชล้มลุกชนิดใดได้ทั้งต้นเหมือนที่เราสามารถกินกล้วย ใจจริงแล้วอยากเรียก กล้วยว่า “เทวาแห่งผลไม้” เลยค่ะ กล้วยหลายชนิดนิยมนำมารับประทานเมื่อสุกเหลืองจะมี รสหวานหอม แต่กล้วยบางชนิดจะไม่น่ารับประทานเอาเสียเลยเมื่อสุกแล้ว เราจึงมักนำ กล้วยเหล่านั้นมาแปรรูปเป็นอาหารเมื่อยังดิบมีสีเขียวอยู่ เรากินกล้วยสุก กันมามากมายหลาย ชนิดแล้ว วันนี้เรามาลองทำเมนูอาหารจากกล้วยดิบกันดูนะคะ กล้วยดิบมีรสฝาดและมียาง ที่เปลือกแต่จะมีรสชาติหอมมันเมื่อทำให้สุกด้วยการต้ม ทอด ย่าง วันนี้เรามาทำเมนูชื่อ “กล้วยกังฟู” กันนะคะ ดิฉันตั้งชื่อว่ากล้วยกังฟูคือทานแล้วเกิดอาการมันเขี้ยว เคี้ยวเพลิน เจริญอาหาร และไม่ผลาญเงินในกระเป่าค่ะ ฮ่าๆๆ (ข้อนี้ดีจริงๆ)

เครื่องปรุง

- กล้วยน้ำว้าดิบ 3 ลูก หรือกล้วยอะไรก็ได้ที่ไม่มีเมล็ดและยังเขียวสดอยู่ที่หาได้ง่าย นำมา

ปอกเปลือกแล้วแช่ทั้งลูกลงในน้ำใส่เกลือเล็กน้อยพักไว้หรือจะบีบน้ำมะกรูดลงไปจะได้

กลิ่นหอมดีและสีสวย

- แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ

- น้ำมันสำหรับทอด

- ขมิ้นขาว หรือขิงอ่อน + แครอท + หอมแดง + พริกแห้งเม็ดใหญ่ + มะม่วงมันดิบ หรือ

มะนาวทั้งลูก + เม็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือ ถั่วทอด

วิธีทำน้ำเปรี้ยวหวาน

- น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียกอย่างละ 1/2 ถ้วย

- ซีอิ๊วขาว 1/4 ถ้วย

- น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว เคี่ยวไฟอ่อนจนข้น ชิมให้ได้สามรส (หวาน เปรี้ยว

เค็ม) นำลงจากเตาพักไว้ให้เย็นเพื่อทำน้ำราด หากลำบากหรือหาเครื่องไม่ทันจะใช้น้ำจิ้ม บ๊วยแทนก็พอกล้อมแกล้มไปได้แต่ผู้ทานอาจได้ส่วนเกินจากวัตถุกันเสียจากน้ำ จิ้มเป็น

การผิดวัตถุประสงค์ และขาดรสและกลิ่นหอมที่ต้องการนำเสนอค่ะ

วิธีทำกล้วยกังฟู

- นำกล้วยมาหั่นเป็นชิ้นเล็กเท่าลูกเต๋าแล้วนำแป้งข้าวเจ้าลงเคล้าบางๆ จากนั้นนำลงทอดใน

น้ำมันพืชให้สุกพอเหลืองจึงนำขึ้นใส่จานไว้

- หั่นพริกแห้งเป็นชิ้นลงทอดในน้ำมันด้วยไฟอ่อนสุด พอเหลืองจึงตักขึ้นพักไว้

- หั่นเครื่องเคียงทุกอย่างเป็นชิ้นเล็กเท่าๆ กัน เว้นเม็ดมะม่วงหิมพานต์

- จัดทุกอย่างใส่จานเรียงให้สวยงาม เวลาจะทานจึงราดด้วยน้ำเปรี้ยวหวานเคล้าเบาๆ พอ

เข้ากัน หากจะทานกับใบผัก เช่นผักกาดหอม ใบชะพลู ใบคะน้า ใบทองหลาง หรือใบผัก

ที่ชอบ

ดิฉันมีความหวังว่าเรื่องกล้วยๆ ในวันนี้จะได้ให้สิ่งดีๆ กับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย พบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น